วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร




                     วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร  เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร  มีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นองค์ประธานจัดสร้างวัด





วัดญาณสังวรารามอาจถือเป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องจากคณะผู้สร้างวัดได้พร้อมใจกันสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ





ปูชนียสถานที่สำคัญ

พระอุโบสถ สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยดัดแปลงจากแบบพระอุโบสถเก่าคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร


พระพุทธปฏิมาประธานประจำอุโบสถ ได้รับการถวายพระนามว่า "สมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์" สร้างน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



ส่วนจัดแสดงชั้นล่างของพระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์  
พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ สร้างน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและพระบรมราชวงศ์จักรี ชั้นล่างเป็นห้องโถงใหญ่ เพื่อการบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ ชั้นที่ 2 ประดิษฐานพระเจดีย์ทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ โดยมีชนวนจากพื้นปฐพีถึงที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ด้านนอกชั้นที่ 3 มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ คือ พระ ภปร. (ด้านหน้า) พระไพรีพินาศ (ด้านขวาของพระภปร. ) และพระชินราชสีหศาสดา (ด้านซ้ายของพระ ภปร.) ส่วนชั้นที่ 2 เป็นซุ่มตราพระมหาจักรีซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอันเชิญขึ้นประดิษฐานเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2528


ส่วนจัดแสดงในชั้นสองของพระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์  
พระมหามณฑปพุทธบาท ภปร. สก. สร้างขึ้นด้วยความซาบซิ้งในพระคุณของพระพุทธเจ้าและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อันเชิญพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และพระนามาภิไธยย่อ สก. ประดิษฐานที่องค์พระมหามณฑป
ศาลาอเนกกุศล สว.กว. เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กชั้นเดียวสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา


บรรยากาศโดยรอบวัด

ศาลาอเนกกุศล มวก.สธ. สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ชั้นบนพื้นปูหินอ่อนไทยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไพรีพินาศ ใช้เป็นที่สวดมนต์ทำวัตรค่ำ อบรมกัมมัฎฐานเจริญจิตภาวนา เป็นต้น



วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พิธีมอบรางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวส่งเสริมสิทธิเด็ก




พิธีมอบรางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวส่งเสริมสิทธิเด็ก




                พิธีมอบรางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวส่งเสริมสิทธิเด็กจัดขึ้นโดยสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ณโรงแรมเซ็นจูรี่ปาร์ค ถนนราชปรารภ















มีการเสวนาในหัวข้อเรื่อง "ภาพสะท้อนการนำเสนอข่าวสิทธิเด็ก จากมุมมองแหล่งข่าวเด็ก โดยมีฯพณฯอานันท์ ปันยารชุนเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล

งานเกษตรเทรดแฟร์

เกษตรเทรดแฟร์




                         งานเกษตรเทรดแฟร์  มหกรรมสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน  งานมีตั้งแต่วันที่ ๔ ถึง๑๒ กุมภาพันธ์  ณ บริเวณหอประชุมใหญ่ประตูพหลโยธิน ถึงประตูงามวงศ์วาน ๑ พบกับมหกรรมสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชนมากมายหลายประเภทให้เลือกซื้อ เลือกชม และเลือกชิม เช่น สินค้า OTOP ประจำท้องถิ่น สินค้าทางการเกษตรทั้งอุปโภคและบริโภค ไม้ดอก ไม้ประดับ นานาพันธุ์ มะขามหวานเลื่องชื่อเมืองเพชรบูรณ์ หอม กระเทียม งานฝีมือท้องถิ่น สัตว์เลี้ยง











 อาหารคาวหวานพื้นเมือง อุปกรณ์ทางการเกษตร การออกร้านจำหน่ายสินค้าขึ้นชื่อประจำจังหวัดของผู้ประสบภัยน้ำท่วม ชื่นชมกับบรรยากาศตลาดน้ำชื่อดัง และมีการจัดสวนสนุกที่รวบรวมเครื่องเล่นไว้หลายชนิดเพื่อสร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้มาเที่ยวชมงาน ซึ่งแบ่งเป็นโซน   










วัดบัวขวัญ

วัดบัวขวัญ




               


 ตั้งอยู่ที่อำเภอบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นพระอารามหลวงใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ภายในวัดขณะนี้มีการสร้างพระอุโบสถขึ้นมาใหม่เพื่อฉลองที่ได้เป็นพระอารามหลวง
            


  ภายในวัดมีการไถ่ชีวิตโค-กระบือ และบริจาคซื้อโลงศพแก่ผู้ยากไร้ โลงศพใบละ ๑,๕๐๐บาท ร่วมบุญไถ่ชีวิตโค-กระบือราคาที่วัดตัวละ ๙๙๙ บาท ราคาจริงจากโรงฆ่าสัตว์ตัวละ ๑๕,๐๐๐ บาท 








มีมุมสักการะ               พระฆเนตร 
พระราหู                       และพระพรหม










มุมสักการะพระเกจิอาจาร์ และพระประจำวันเกิด







วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร





                            พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังบวรสถานมงคล หรือส่วนหนึ่งของที่ประทับวังหน้า (พื้นที่พระราชวังของสมเด็จพระบวรราชเจ้าตั้งแต่รัชกาลที่ 1 เป็นต้นมามีอาณาเขตตั้งแต่บริเวณมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สนามหลวงตอนเหนือ อนุสาวรีย์ทหารอาสา และโรงละครแห่งชาติในปัจจุบัน) ในสมัยรัชกาลที่ 1 ตั้งอยู่ที่ถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และโรงละครแห่งชาติ ตรงข้ามสนามหลวง ประกอบด้วยหมู่พระที่นั่งต่าง ๆ ได้แก่ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย หมู่พระวิมาน พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ และ อาคารมหาสุรสิงหนาท





พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน
       พระที่นั่งองค์นี้ที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ชื่อที่สอดคล้องกับนาม "พระที่นั่งพิมานดุสิตา" เป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นด้วยไม้ทั้งหลัง 


ต่อมา สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพโปรดให้รื้อพระที่นั่งศิวโมกข์พิมานที่สร้างขึ้นจากไม้เปลี่ยนมาเป็นพระที่นั่งที่ก่ออิฐถือปูนทั้งหลัง และได้ขยายขนาดให้พระที่นั่งใหญ่โตขึ้น เมื่อสร้างแล้วเสร็จพระที่นั่งองค์นี้ยังคงใช้เป็นที่เสด็จบำเพ็ญพระราชกุศลเช่นเดิม และยังใช้เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีกงเต็กในงานพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวอีกด้วย


เดิมพระที่นั่งแห่งนี้เป็นพระที่นั่งโถง ต่อมา เมื่อใช้พระที่นั่งแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในปี พ.ศ. 2430 จึงได้สร้างผนังขึ้นมา ปัจจุบัน พระที่นั่งองค์นี้เป็นสถานที่จัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย








พระที่นั่งพุทไธสวรรย์



พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ เป็นพระที่นั่งภายในพระราชวังบวรสถานมงคล สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เดิมมีนามว่า พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เดิมสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเพื่อทำการพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีตรุษสารท พระราชพิธีโสกันต์พระเจ้าลูกเธอ เป็นต้น หลังจากนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2330 พระองค์เสด็จไปยังเชียงใหม่ และไดัอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมา พระองค์จึงทรงพระราชอุทิศพระที่นั่งองค์นี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ต่อมา สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ทรงเปลี่ยนนามพระที่นั่งองค์นี้ว่า พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ปัจจุบัน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์เป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร



พระตำหนักแดง


พระตำหนักแดง





          เดิมนั้นตั้งอยู่บริเวณด้านหลังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง  รัชกาลที่ ๑ ได้โปรดฯให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระพี่นางเธอ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ซึ่งเป็นพระพี่นางพระองค์เล็ก และก็ได้สร้างพระตำหนักเขียวขึ้นเพื่อถวายเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี ซึ่งเป็นพระพี่นางพระองค์ใหญ่


 เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๙ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงย้ายที่ประทับจากพระราชวังเดิม กรุงธนบุรีมาอยู่ภายในพระราชวังบวรสถานมงคล จึงโปรดเกล้าฯให้รื้อตำหนักแดงจากพระราชวังเดิมให้มาสร้างใหม่ที่ท้ายพระบวรราชวัง (บริเวณที่ตั้งของอาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน) เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต พระตำหนักแดงไม่ได้รับการดูแลจึงชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา จนกระทั่งถึงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ปี พ.ศ. 2470 
                         


     สมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จประพาสพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ได้ทอดพระเนตรเห็นพระตำหนักแดงชำรุดทรุดโทรม จึงได้พระราชทานพระราชทรัพย์ในการปฏิสังขรณ์จนแล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2471 โดยสมเด็จพระพันวัสสาฯ ได้เสด็จมาบำเพ็ญพระกุศลฉลองพระตำหนักแดงด้วยพระองค์เอง
ต่อมาในปี 2506 ได้มีการปฏิสังขรณ์อีกครั้งหนึ่ง โดยได้ย้ายพระตำหนักแดง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของหมู่พระวิมานมาปลูกที่หลังพระที่นั่งศิวโมกขพิมานดังที่เห็นในปัจจุบัน

 

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

BOI FAIR


BOI FAIR 2011

              งานมหกรรมแสดงนิทรรศการครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทย“บีโอไอแฟร์ 2011” งานจัดขึ้นในวันที่ 5-20 มกราคม 2555 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด รวมพลังน้ำใจ “โลกสดใส ไทยยั่งยืน” หรือ “Going Green for the Future” เป็นมหกรรมแสดงนิทรรศการครั้งที่ 3 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ





      การแสดงนิทรรศการ “บีโอไอแฟร์ 2011” เป็นการแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมของบริษัทชั้นนำที่ลงทุนในประเทศไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ



   ภายในPavilion Canonนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติชมภาพพระบรมฉายาลักษณ์ และภาพพระราชกรณียกิจ  และมีการทดลองถ่ายภาพในบรรยากาศแบบแฟนตาซี การถ่ายภาพที่สามารถ upload ขึ้นอินเตอร์เนตได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ การถ่ายภาพในสตูดิโอ การพิมพ์ภาพขนาดเล็ก-ใหญ่ การออกแบบและทำอัลบั้มภาพถ่ายด้วยตนเอง


           มีนิทรรศการเทิดพระเกียรติ และโครงการโรงเรียนสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมดีเด่นเฉลิมพระเกียรและมีม่านน้ำพุหน้าบริเวณหน้างาน ในของ Hondaนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์สีเขียว สัมผัสรถยนต์และรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่ยังไม่ได้เปิดตัวในไทย และแสดงนวัตกรรมต่างๆ เช่น ระบบบ้านที่สามารถผลิตพลังงานสะอาดใช้ได้เองอย่างอิสระ (Honda Smart Home System) ซึ่งช่วยลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ


         แนวคิดการจัดแสดงของซัมซุง มีชื่อว่า "Samsung Smarter Life"โดยถ่ายทอดเรื่องราวผ่าน 4 โซนหลัก ซี่งเป็นหัวใจในการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทไลฟ์ จากซัมซุง ได้แก่ นวัตกรรมทันสมัย/ ดีไซน์อันเป็นเลิศ/ เทคโนโลยีที่สะดวกสบายและการใส่ใจสิ่งแวดล้อม





   และในโซนนี้จะเน้นถึงการใช้เทคโนโลยีในอนาคตอย่างเช่นห้องครัว และบ้านในอนาคต
อุปกรณต่างของของซัมซุง 

















             Advanced Technology with Toyota พบกับหุ่นยนต์แห่งโลกอนาคต “Partner Robot” ที่พัฒนาเพื่อเป็นผู้ช่วยของมนุษย์ โดยจะเล่นไวโอลินและแสดงความสามารถพิเศษให้ชมอย่างใกล้ชิด (ความยาว 3 นาที) รวมถึงสุดยอดยานพาหนะไฟฟ้าเคลื่อนที่ส่วนบุคคลแบบพกพา “Winglet” ขับขี่ด้วยการยืนบนยานพาหนะ พร้อมสัมผัสความล้ำสมัยของรถคอนเซ็ปต์ “Prius C” ที่สะท้อนความเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 


Sustainable Future Living with Toyota          จำลองโลกอนาคต 3 มิติ ด้วยเทคโนโลยี Mapping ที่สมบูรณ์แบบที่สุด แสดงรูปแบบการใช้ชีวิตกับการบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อทุกชีวิตอย่างยั่งยืน (ความยาว 7 นาที) และเทคโนโลยีระบบโครงข่ายพลังงานอัจฉริยะ “Smart Grid” ที่ช่วยบริหารจัดการพลังงานธรรมชาติ (น้ำ ลม แสงอาทิตย์) ทั้งการผลิต จัดเก็บ และจัดสรรพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด